วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2561

ข่าวที่6


ลุ้นดันยกเลิก"3สารเคมีอันตราย"อีกรอบ   

"หมอธีระวัฒน์ "เผยเตรียมผลักดัน ให้คณะกรรมการปฏิรูประบบสาธารณสุข หยิบปัญหารัฐบาล ตั้งกรรมการซ้อนกันหลายชุดพิจารณา "ไกลโฟเซต -คลอร์ไพริฟอส"ทั้งที่ 3กระทรวงมีมติ ให้ยกเลิกไปแล้ว  กางข้อมูลตอกย้ำสารเคมี3ชนิด มีความเสี่ยงสูง เป็นสารก่อมะเร็ง หากสะสมในร่างกายทำลายอวัยวะต่างๆ ส่งผลเด็กผิดปกติสติปัญญา  และเกิดการเบี่ยงเบนทางเพศ 
 13 ส.ค.61-ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในฐานะกรรมการปฏิรูประบบสาธารณสุข กล่าวถึงผลกระทบจากการใช้สารเคมีไกลโฟเซตและคลอร์ไพริฟอสว่า นอกจาก พาราควอตที่มีผลต่อสุขภาพประชาชนชัดเจนแล้วนั้น ยังพบว่าไกลโฟเซตมีกลไกทำปฏิกิริยากับโลหะหนัก ซึ่งสามารถสะสมในร่างกายและเข้าไปทำลายอวัยวะต่างๆในร่างกายได้ จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก( WHO) ระบุว่าไกลโฟเซต จัดอยู่ในสารพิษชนิด 2A  จากข้อมูลวิชาการของแคลิฟอร์เนีย เขียนไว้ชัดเจนว่าเป็นสารก่อมะเร็ง 
นอกจากนี้จากข้อมูลของศรีลังกายังพบว่าสารเคมีเกษตร 2ชนิด   จะส่งผลทำให้เกิดโรคไตวาย และสามารถพบได้ในเลือดเด็กแรกเกิดที่เกิดจากแม่ที่อาศัยในพื้นที่เกษตรกรรมมากกว่าแม่ที่ไม่ได้อาศัยในพื้นที่เกษตรกรรมถึง 49-54% ซึ่งจากข้อมูลไกลโฟเซตไม่ได้สลายได้ในดินทันที แต่สามารถกระจายไปในสิ่งแวดล้อม แหล่งน้ำ และผักผลไม้ที่เรารับประทาน และในส่วนของคลอร์ไพริฟอส นั้นในปี 2011 มีการศึกษาว่าเด็ก 7 ขวบหรือน้อยกว่ามีความผิดปกติทางด้านสติปัญญาจากการได้รับคลอร์ไพริฟอสเข้าสู่ร่างกาย และจากการทดลองในสัตว์ทดลองมีการตั้งข้อสังเกตว่าคลอไพริฟอสจะไปรบกวนการแสดงออกทางด้านเพศ จากเพศหนึ่งไปอีกเพศหนึ่ง ซึ่งในเรื่องนี้ยังไม่ชัดเจนจะต้องมีการศึกษาต่อไป

โดยในประเทศไทยเองก็ได้มีการเสนอให้มีการแบน พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และควบคุมการใช้ไกลโฟเซต และมีการยืนมติแบนโดย 3 กระทรวง คือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรห์และกระทรวงอุตสาหกรรม และเมื่อวันที่ 23 พ.ค.คณะกรรมการวัตถุอันตรายกลับมีการตัดสินให้มีการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดได้ต่อไป  แบบมีการจำกัดการใช้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นปี 2561ก็ได้มีการปรึกษากับทางกระทรวงสาธารณสุขว่าควรให้มีการแบนไกลโฟเซตไปด้วย ไม่ใช่เพียงแค่การจำกัดการใช้
 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการวัตถุอันตรายได้มีการตัดสินไม่แบนสารพิษทั้ง 3 ชนิดแล้ว ทางนายกฯ ก็ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ ชื่อคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง โดยตนเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ซึ่งในความคิดเห็นส่วนตัวมองว่าที่ผ่านมา มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหลายชุดมากในการพิจารณาเรื่องนี้ เป็นเหมือนกรรมการซ้อนกรรมการทำให้การพิจารณายืดเยื้อออกไป เพราะเวลาให้มีการแสดงหลักฐาน ก็จะมีการเสนอหลักฐานเก่าไม่ใช้หลักฐานปัจจุบัน  หรือมีคณะกรรมการที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ผลิตสารเคมี ซึ่งแม้ว่าจะมีมาตรการเข้มข้นเหมือนที่ผ่านมาตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุ  ตนคิดว่าผลออกมาก็จะออกมาในลักษณะเดิม  ซึ่งในวันที่ 14 ส.ค.คณะกรรมการปฏิรูประบบสาธารณสุข จะมีการประชุมกัน ตนจะมีการเสนอให้มีการทำเรื่องเสนอผ่าน รมว.สธ. ว่าการตั้งคณะกรรมการดังกล่าวเป็นการกระทำขัดมติ ขัดระเบียบ ของ 3 กระทรวงที่มีการยืนมติเดิมให้มีการแบนสารเคมีทั้ง 3 ชนิดแล้ว
 “ในวันที่ 14 ส.ค.นี้  คณะกรรมการปฏิรูประบบสาธารณสุข จะมีการประชุมกัน ซึ่งในการปฏิรูประบบสาธารณสุข เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคนั้นชัดเจน ในเรื่องของอาหารปลอดภัย ซึ่งอาหารปลอดภัยก็สอดคล้องกับการปลอดสารเคมี ตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาเกษตรยั่งยืน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่อยู่ในระหว่างร่างกฎหมาย แต่ก็กลุ่มนายทุนผู้ผลิตสารเคมีออกมายื่นหนังสือคัดค้าน ซึ่งหากมีสารเคมีแล้วอาหารไม่ปลอดภัย คณะกรรมการปฏิรูปฯต้องโดนม.157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา คือการละเว้นหน้าที่ที่ควรทำด้วยหรือไม่ คำถามคือในเมื่อ นายกฯ ไม่ประกาศตัดสินให้มีการแบนการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว.
 ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/15341


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น